คำนำ
– ทำไมบีถึงเขียนหนังสือเล่มนี้
จากอาชีพการเป็นผู้ให้คำแนะนำในด้านการออกเดทและสัมพันธภาพ
และแม่สื่อ (Dating & Relationship Coach และ Matchmaker)
ที่บีได้ทำมาตั้งแต่ปีพ.ศ 2549 จนถึงปัจจุบัน ทำให้บีได้มีโอกาสรับฟังและช่วยเหลือให้คำแนะนำด้านการออกเดทกับผู้คนมากมายจำนวนเป็นพันๆคนต่อปี
โดยบีมีหน้าที่ช่วยแนะนำให้คนเหล่านั้นได้เรียนรู้ว่าการออกเดทสามารถกลายเป็นเรื่องง่ายและสนุกได้
ไม่ว่าเขาจะอยู่ในช่วงวัยไหน หากเขาเปลี่ยนมุมมองแนวคิดต่อการออกเดทเสียใหม่
บียังได้มีโอกาสแนะนำเรื่องสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในการออกเดทและในการหาคู่ให้แก่ทั้งชายและหญิงในทุกช่วงวัยอีกด้วย
เนื่องจากสมาชิกของแบงคอก แมทชิ่ง (Bangkok Matching) ที่เราเปิดรับมีอายุเริ่มตั้งแต่
22 จนถึง 75 ปี ทั้งหญิงและชายไทย และหญิงและชายต่างชาติ ใช่ค่ะ
อายุ 75 ปี แปลกใจใช่ไหมคะ ; )
ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่า (สำหรับบีด้วย) ก็คือ ถึงคุณป้า คุณน้า
คุณอา คุณตา เหล่านั้นจะอายุมากเท่าไรก็ตาม แต่อายุหาได้มีความสัมพัทธ์อันใดต่อความเชี่ยวชาญ
ความรู้ ความเข้าใจเรื่องการออกเดท และการเข้าใจเพศฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด
อย่างที่เราๆก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า มีหนังสือฝรั่งที่สอนเรื่องการออกเดท
การใช้ชีวิตและความคาดหวังต่อเพศตรงข้ามมากมาย อย่างเช่น “Men
are from Mars, Women are from Venus” ของ John Gray ที่เป็นที่โด่งดังมากๆ
จนคุณด๊อกเตอร์ John คนนี้ได้ออกหนังสือตามมาอีกหลายๆเล่ม
หรือน้องใหม่มาแรง เมื่อสัก 3-4 ปีก่อน ก็คือ หนังสือชื่อ “He’s
just not that into you” โดย Greg Behrendt and Liz Tuccillo
ซึ่งโด่งดังจนกลายมาเป็น version หนัง Hollywood ซึ่งแบงคอก
แมทชิ่ง ก็ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมโปรโมทหนังเรื่องนี้ในประเทศไทย
เมื่อคราวที่เขาทำเป็นแผ่น DVD, CD และ Blu-ray ออกจำหน่ายในประเทศไทย
แต่สำหรับในเมืองไทย ดูเหมือนหัวข้อการเลือกคู่ให้ถูกต้อง ปฏิบัติตัวอย่างไรในการออกเดทให้มีเสน่ห์ไฉไลถูกใจเพศตรงข้าม
ยังไม่ได้ถูกใส่ใจจริงจัง ไม่ว่าจะจากโรงเรียน หรือครอบครัว
หรืออย่างหนังสือสอนมารยาหญิงอย่าง “Why Men Love Bitches” และ
“Why Men Marry Bitches”ของ Sherry Argov ก็เป็นที่นิยมของผู้อ่านฝ่ายหญิงในประเทศอเมริกาอย่างมาก
จนประเทศไทยซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเมื่อไม่นานมานี้ โดยคุณกาละแมออกโรงเรียบเรียงเป็น
“หญิงร้าย ชายรัก” ทั้งสองเล่มเลยนั่น
บีชอบหนังสือของ Sherry Argov เป็นส่วนตัวด้วยค่ะ (จริงๆconcept
เขาก็เหมือนหนังสือชื่อดัง “The Rules” นะคะ) concept ก็เป็นการสอนการวางตนที่ถูกต้องให้แก่ผู้หญิง
ว่าให้หัดไว้ท่า ไว้เชิงเสียบ้าง ให้เราอย่าทำตัวเป็นของตาย
อย่ายอมพลีกาย ถวายชีวิต ทิ้งทุกอย่าง in a minute เพื่อชายหนุ่ม
ย้ำ อย่าทำ!!! ไม่ว่าคุณผู้หญิงจะอยู่ประเทศใดๆในโลกใบนี้ค่ะ
การออกเดทมันต้องมี step มีฟอร์มนิดนึงค่ะ อย่ามาพูดนะคะว่า
“I don’t like to play game” บีฟังจนเบื่อแล้วค่ะ แล้วรู้ไหมคะ
มันไม่ work หรอกค่ะ หากว่าการที่ I don’t like to play game
ของคุณ คือการไปนั่งพูดให้ชายหนุ่มฟังว่า คุณไม่มีแฟนมานานมากแค่ไหนแล้ว
และสิ่งเดียวที่ชีวิตคุณต้องการขณะนี้ คือ หนุ่มนิสัยน่ารักพอใช้
หน้าตาปานกลาง ฐานะไม่แย่มากสักคน อันนี้ รับรองค่ะ หนุ่มนั่งฟัง
เขาอาจจะทำพยักหน้า หงึกหงัก ผมเข้าใจคุณนะครับ ผมก็ต้องการมีใครสักคนเหมือนกัน
แต่เชื่อบีเถอะค่ะ ในใจ เขาอยากจะเรียกพนักงานคิดตังค์เสียเดี๋ยวนั้น
แล้วรีบเผ่น ไม่มีใครต้องการคนสิ้นหวัง หมดท่า ไม่มีทางไปหรอกค่ะ
มันไม่มีเสน่ห์ค่ะ!!
หากคุณเป็นคนที่ไม่ play game แนวนี้แล้วล่ะก็ รีบเรียนรู้ที่จะ
“play game” โดยด่วนค่ะ เพราะคุณออก step ไม่เป็นอย่างแรง!!!
บีเป็นห่วงค่ะ เพราะหากคุณไม่เปลี่ยน บีบอกได้เลยว่า คุณไม่มีทางหาคู่ดีๆได้หรอกค่ะ
กลับมาที่ หัวข้อสอนเรื่องการหาคู่ดีกว่าค่ะ หัวข้อการสอนการหาคู่
การเลือกคู่นี่ หากคุณพ่อ คุณแม่ไม่สนิทสนมกับลูกหลานจริงๆ ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณพ่อ
คุณแม่ คุณลูกจะได้นั่งจับเข่าคุยกัน สอนลูก สอนหลานของตน ว่าหาคู่นี่ควรจะเริ่มเมื่ออายุสักเท่าใดดี
แล้วคนที่มองหา ควรจะมุ่งเน้นว่าเป็นคนแบบไหน
ในโรงเรียน และสถานที่อื่นๆ นี่ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ บียังไม่เคยเห็นที่ใดที่จะมานั่งเรียนนั่งสอนแนวทางการหาคู่ให้ถูกต้อง
เป็นเรื่องเป็นราว
บีว่า ต่อไป การที่คนโสดครองเมือง คุณภาพชีวิตที่มีความสุขน้อยลงของคนที่อยากมีคู่แต่ไม่มีคู่จะยิ่งมากขึ้นๆ
และกลายเป็นปัญหาที่มองเห็นใหญ่ขึ้น จนกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ
ดูอย่างประเทศสิงคโปร์ ใกล้ๆบ้านเราเป็นตัวอย่างได้เลยค่ะ รัฐบาลต้องออกมาช่วยสร้างแคมเปญส่งเสริมการให้หนุ่มสาวได้เจอกัน
น่ารักดีนะคะ บีชอบ หากรัฐบาลไทยสนใจนโยบายสร้างความรักแบบประเทศสิงค์โปร์เขา
แบงคอก แมทชิ่งขออาสาเลยค่ะ ทำให้ฟรีก็เอาค่ะ ; ) โทรหาบีได้เลยนะคะ
ท่านนายก : ) 02-663-3020 ค่ะ
บีเชื่ออย่างแรงกล้าว่า คุณภาพคน คุณภาพสังคมน่ะของแน่ แต่ที่แน่ๆอีกอย่างที่ทุกคนอาจมองข้ามไปคือ
คุณภาพคน มาจากความสุขในตัวเอง ซึ่งมีรากฐานมาจากครอบครัว การได้คู่ที่ดี
เป็นกองหลังที่ดี แล้วจึงนำมาสู่คุณภาพงาน คุณภาพสังคม
เห็นไหมคะว่า ปัญหาเรื่องคนโสด ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติได้ถึงขนาดนี้
จากงานทุกวันของบี ที่ได้พูดคุยกับคนหาคู่จำนวนมากต่อวัน แต่ละวัน
แต่ละเดือน แต่ละปี ทำให้บีตั้งใจแน่วแน่ทุกวันที่อยากจะบอกต่อลูกค้าและคนทุกคนในเรื่องการหาคู่ให้เหมาะสมกับเรา
โดยเริ่มจาก การเริ่มหาคู่ในวัยที่เหมาะสม รวมถึงประเด็นสำคัญที่ชายหญิงอาจมองข้ามกันไปในการหาคู่
บีได้แต่คิดในใจว่า หากบีมีลูกเมื่อใด และลูกโตพอที่เข้าสู่วัยที่ควรรับทราบเรื่องการหาคู่ที่เหมาะสม
บีก็อยากจะแชร์ข้อมูลเหล่านี้ให้ลูกบีรู้ เพื่อเขาจะได้ไม่เสียเวลาหลงทางในการหาคู่ผิดๆ
และไม่จบลงด้วยการเสียใจ เสียดายในชีวิตคู่ที่ล้มเหลว อย่างที่เกิดขึ้นมากมายกันในปัจจุบัน
แต่ครั้นว่า จะรอให้ลูกเกิดและโตพอจะรับฟัง บีเองคงอัดอั้นสิ้นใจตายก่อน
เพราะอยากบอก อยากแชร์ข้อมูลเสียเหลือเกิน ดังนั้น บีเลยตัดสินใจเขียนสิ่งที่บีอยากบอก
ณ. ตอนนี้เลยค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณอ่านกันตามวัย ตามความคิดแต่ละคนเลยค่ะ
อ้อ แล้วบีขออนุญาติทำความเข้าใจนิดนึงด้วยนะคะว่า ด้วยบีเป็นผู้หญิงจึงแอบลำเอียงให้กับความเป็นหญิงด้วยกัน
ถึงได้ห่วงใยคนเป็นหญิงท่านอื่นๆ รวมถึงลูกสาวของตัวเองที่อาจจะมีในอนาคต
หนังสือเล่มนี้ บีจึงขอมุ่งเน้นเพื่อประโยชน์แก่เพศหญิงเป็นหลักนะคะ
สำหรับฝ่ายชาย อ่านไว้เล่นๆ เพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้นถึงลักษณะการออกเดท
รูปแบบการหาคู่ได้ค่ะ
โน๊ตนิดนึงสำหรับฝ่ายชายค่ะ คุณผู้ชายสังเกตุบ้างไหมคะ
โดยเฉพาะในกรุงเทพฯนี่ หลังๆนี้ เราจะพบเจอคู่รักตะวันตกกับหญิงไทยที่เก๋ไก๋
ดูอย่างไรก็มีการศึกษา มีสไตล์มากมาย (แอบยอมรับว่าบีก็เป็นหนึ่งในนั้นที่กำลังจะแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติเหมือนกัน)
ในหนังสือเล่มนี้ บีจะมาบอกหนุ่มๆด้วยค่ะ ว่าอะไร ทำให้หญิงไทยสวยๆ
เก๋ๆ เริ่ดๆ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานจำนวนมาก ถึงได้หันไปเดทและแต่งงานกับหนุ่มตะวันตกกันเสียมากมาย
หากคุณเป็นหนึ่งในชายหนุ่มไทยที่แอบชอบหญิงไทยคนนั้น คุณจะทำอย่างไรให้หญิงไทยนั้นกลับมาสนใจหนุ่มไทยอย่างคุณได้บ้าง
สุดท้าย บีอยากจะบอกผู้หญิงทุกคนด้วยว่า ผู้หญิงเราเก่งจะตายค่ะ
ความสามารถสูง เราสามารถทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกันและทำได้ดีเสียด้วย
ดังนั้น เรื่องคู่ก็เหมือนกันค่ะ พวกเราทำได้ค่ะ เราสามารถมีการศึกษาดี
การงานที่เริ่ด ประสบความสำเร็จในอาชีพ
มีความมั่นใจ แต่ก็ยังอ่อนหวาน อ่อนน้อม ถ่อมตน รูปร่างดี สุขภาพดี
แถมมีคู่ที่ดีได้อีกด้วยนะคะ เพียงแต่เราจะต้องจัดการบริหารเวลาให้เป็นค่ะ!!
ผู้หญิงทุกคนทำได้ค่ะ!!
และทั้งหมดในหนังสือเล่มนี้ คือมุมมองของบีในฐานะ Dating and
Relationship Coach และ Matchmaker ที่ทำงานอยู่ในวงการด้านสัมพันธภาพ
การหาความรักมาเกือบหกปี ที่อยากจะแชร์ค่ะ
บีตั้งใจเขียนหนังสือเล่มนี้ ในลักษณะเหมือนคุยกับคุณผู้อ่านแต่ละท่านโดยตรง
โดยบีเลือกใช้คำพูดสั้นๆ ง่ายๆ ไม่ยืดเยื้อ ตรงประเด็น เข้าใจง่าย
และใช้ใจเกินร้อยเขียนค่ะ
หากมีสิ่งใดที่ต้องการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเห็นกัน สามารถเขียนหาบีได้โดยตรงเลยนะคะที่
bee@bangkokmatching.com จะยินดียิ่งค่ะ
เอาล่ะ จะอ่านหนังสือบีให้สนุกนี่ บีแนะนำนะคะ นั่งลงในบรรยากาศดีๆ
แอร์ฉ่ำๆที่คุณชอบค่ะ อาจจะติดไวน์แดง หรือไวน์ขาว หรือจะเป็นแชมเปญเย็นๆสักแก้วในมือ
จิบไป อ่านไป เพลินนนนค่ะ : )
เอ้า พร้อมแล้ว ลุยกันเลยค่ะ
บีค่ะ : )
กุมภาพันธ์ 2554
ไม่เข้าใจทำไมยังโสด??
ภาวะการโสดของคนไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะคะ โดยเฉพาะในเมืองกรุงของเรา
ก็ตามธรรมดาของเมืองใหญ่ล่ะค่ะ ที่วันๆชีวิตจะยุ่งวุ่นวายไปกับงานและเรื่องต่างๆ
ทำให้การให้ความสำคัญในการหาคู่กลายเป็นประเด็นรองๆไป งานต้องมาก่อนกันเสียมาก
ประกอบไปกับ อันนี้ฝ่ายหญิงส่วนใหญ่บอกเรากันเยอะมากว่า ผู้ชายดีๆ
ก็หายากเข้าไปทุกที ไอ้ที่ดีจริงๆ ก็มีคู่ตุนาหงันไปเสียแล้ว
ที่เหลือยังมีแบ่งไปเป็น เกย์ ตุ๊ด สาวประเภท 2 3 4 กันอีก
แล้วยังมีผู้ชายอีกกลุ่มใหญ่ๆเลยนะคะ ที่โฟกัสเฉพาะการจีบแต่คนสวย
คนน่ารัก เท่านั้น แบบหน้าตาธรรมดา แนวแค่เกณฑ์เฉลี่ย 5-6/10
นี่ ชายกลุ่มนี้ไม่เหลียวตาแล ก็อีกเยอะค่ะ จึงได้เกิดสโลแกน
“ผู้ชายมีน้อย พึงใช้สอยอย่างประหยัด” ขึ้นมา ; )
นอกจากสภาพชีวิตที่แสนยุ่งเหยิง อีกประเด็นหนึ่งของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายที่บีพบเห็น
คือ การไม่ยอมเปิดใจพัฒนาศักยภาพความสวย ความหล่อของตัวเอง ไหนจะยังต้องพัฒนาศักยภาพทางอารมณ์อีกล่ะ
มีค่ะ บีมีคนสวย คนหล่อที่ EQ ไม่ดี วีนปรี๊ดๆง่ายๆ จะพูดจาดี
หล่อ สวยเฉพาะกาล (คือยามที่อารมณ์เธอดี หรือไม่ ก็ยามที่เจอคนที่ถูกใจ
เอาใจยากจริ๊ง แม่คุณ พ่อคุณ มองแล้ว บางทีบีก็นึกว่า โอ้ มาย
บุดดา He หรือ She หากจับพลัด จับผลูมีลูกขึ้นมา จะปั้นลูกออกมาดีได้อย่างไร
สงสัยๆๆๆ --”)
ในหนังสือเล่มนี้ บีเลยจะพยายามครอบคลุมทุกอย่างที่มีผลในการหาคู่
เพื่อจะได้เป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านทุกท่านให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
(บีแอบหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น หรือว่า จะโดนด่าทั้งปฐพีก็ไม่ทราบ
หลังจากออกหนังสือเล่มนี้)
หากว่าท่านผู้อ่าน เห็นดี เห็นชอบ มีคำติชม เข้ามา บีจะเอามาพิมพ์แก้ไขนะคะ
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการหาคู่สำหรับหญิงโสดชายโฉด เอ๊ย โสดต่อไปค่ะ
: )
สิ่งที่ผู้หญิงควรโฟกัสในแต่ละช่วงวัย
หญิงสาววัยมหาวิทยาลัย - วัยนี้ เป็นวัยที่พีคสุดๆของฝ่ายหญิงทุกคนค่ะ ไม่ว่าหนุ่มในมหาวิทยาลัย
หรือนอกมหาวิทยาลัย ไม่ว่าอายุมากน้อยขนาดไหน ต่างก็เทใจให้หญิงวัยนี้
– เป็นเวลาทองของฝ่ายหญิงที่จะเลือกชายหนุ่มที่ดีที่สุดไว้กับตัว
สำหรับน้องๆวัยนี้ บีไม่ได้อยากจะให้ชีวิตมุ่งเน้นในการหาคู่เสียเป็นอันดับแรกนะคะ
แต่บีก็ไม่อยากให้น้องๆปล่อยปละละเลยโอกาสที่จะได้เจอชายหนุ่มดีๆค่ะ
เนื่องจาก การจะพบฝ่ายชายจำนวนมากๆมาให้เลือกเหมือนสมัยมหาวิทยาลัยนั้น
จะไม่มีอีกแล้วค่ะ
ดังนั้น ตั้งใจเรียนเป็นประเด็นหลักน่ะของแน่ค่ะ แต่บีอยากจะให้อย่าลืมประเด็นเสริมสักนิด
คือ ให้ความสนใจชายหนุ่มที่เข้ามาสนใจเราสักนิดนึงด้วย หรือหากไม่มีชายหนุ่มใดๆเข้ามาขายขนมจีบเราบ้างเลย
ก็ให้เปิดโอกาสตัวเอง ไปทำกิจกรรมอื่นๆของมหาวิทยาลัยบ้างนะคะ
บีไม่ได้บอกว่า คู่รักมหาวิทยาลัยจะจบลงด้วยการแต่งงานเสมอไป
แต่บีกำลังจะบอกว่า ชีวิตมหาวิทยาลัยเป็นวัยเดียวจริงๆค่ะ ที่เราจะได้เจอะเจอเพศตรงข้ามมากมายขนาดนั้น
โดยที่แต่ละคนยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์ในการเลือกคู่กันมากๆ
วัยนี้ ยังมีฝ่ายชายในมหาวิทยาลัยจำนวนมาก ที่ไม่ได้เลือกคบฝ่ายหญิงที่มีหน้าตาที่สวยงาม
รูปร่างที่ดีแต่เพียงอย่างเดียว ฝ่ายชายยังเลือกคบฝ่ายหญิงที่นิสัยที่น่ารักเป็นหลักอยู่มากๆค่ะ
(ออกมาข้างนอกรั้วมหาวิทยาลัยแล้วจะรู้ค่ะว่า ชายหนุ่มที่เราจะเจอต่อจากนั้น
มีเสือ สิงห์ กระทิง แรด แถม จระเข้ ปะปนอยู่ด้วยนะคะ แล้วหนุ่มๆเหล่านี้
มักจะเลือกฝ่ายหญิงจากหน้าตา รูปร่างเสียเยอะค่ะ)
ใครจะรู้ เราอาจจะเป็นหนึ่งในคู่รักมหาวิทยาลัยที่จบลงด้วยการแต่งงานก็ได้ค่ะ
แต่ในประเด็นนี้ บีก็แอบเป็นห่วงประเด็นการแต่งงานที่เร็วเกินไป
หากวัยวุฒิ และสภาวะทางอารมณ์เรายังไม่เพียงพอที่จะเรียนรู้เรื่องการปรับตัวเข้าหากันในทุกๆเรื่องเพื่อช่วยกันประคับประคองความรักให้อยู่รอด
อย่างไรก็ตาม หากจะแต่งงานทันทีที่เรียนจบ บีอยากให้ใช้สติ และเหตุผลเยอะๆในการตัดสินใจนะคะ
ว่าเราพร้อมหรือยัง
หญิงอายุ 22 – 27- วัยนี้ เป็นวัยที่พีคสุดๆอีกวัยหนึ่งของฝ่ายหญิงทุกคนค่ะ
หนุ่มๆต่างๆที่พบเจอต่างก็ให้ความสนใจให้หญิงวัยนี้ – เป็นเวลาทองอีกช่วงหนึ่งของฝ่ายหญิงที่จะเลือกชายหนุ่มที่ดีที่สุดไว้กับตัว
ในวัย 22 นี้ บีคาดหมายว่า หญิงสาวคนนั้น ควรจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเรียบร้อยและพ้นออกจากรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว
หากว่าคุณอยู่ในวัยนี้ และยังไม่มีแฟนดูใจกัน แถมยังเป็นช่วงเพิ่งจะเริ่มชีวิตการงาน
ไม่ว่าจะหางาน หรือ ปรับตัวให้เข้ากับงาน เพื่อนร่วมงาน หรือ
กำลังต้องพิสูจน์ความสามารถให้นายเห็น แต่หากชีวิตคู่ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณ
ที่คุณก็ไม่อยากจะทิ้งความสุขส่วนตัวไป คุณก็จะต้องให้เวลาสักนิดกับเรื่องนี้ค่ะ
อยู่ที่ทำงาน หากมีใครน่าสนใจ หรือมีใครให้ความสนใจเรา หากนิสัยไม่เลวนัก
ก็เก็บเขาไว้พิจารณาสักนิด ให้โอกาสเขาบ้าง แต่หากที่ทำงาน ไม่มีหนุ่มใดน่าสนใจเลย
หลังเลิกงาน
หรือ วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือเสาร์ อาทิตย์ ก็หาโอกาสไปทำกิจกรรมอย่างอื่นที่คุณสนใจบ้าง
ไม่ว่าจะเป็นการเรียนปริญญาโทเพิ่มเติม การเริ่มใช้ชีวิตอื่นๆ
เรียนภาษา เรียนการดีไซน์เวบไซด์ หรืออะไรก็ตามแต่ที่ช่วยเสริมทักษะงานเราไปด้วย
อย่าได้มุ่งเน้น เอาแต่ทำงานและกลับบ้านเป็นเด็ดขาด
ในบทต่อๆไป บีจะแจกแจงถึงสถานที่ที่คุณควรจะเอาร่างคุณไป ; )
เพื่อเปิดโอกาสให้เจอคนใหม่ๆมากขึ้น ก็จะได้ทราบกันให้ละเอียดไปเลยในบทนั้นนะคะ
ในวัยนี้ บีแนะนำว่าการเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนต้องถี่ถ้วนให้มากขึ้น
เพราะเป็นวัยที่หาคู่เพื่อจุดเป้าหมายคือการแต่งงาน
หญิงอายุ 28 – 32- วัยนี้ เป็นวัยที่หากฝ่ายหญิงยังต้องการที่จะมีคู่
จะต้องยกเรื่องการหาคู่มาเป็นอันดับ 1 สำคัญที่สุดในลำดับอื่นๆในชีวิตทันที
(หากสามารถ) เนื่องจากถือว่าเป็นโค้งสุดท้ายของวัยทองในการที่จะเป็นผู้เลือกได้
วัยนี้ บีเข้าใจค่ะว่าฝ่ายหญิงอาจจะกำลังไต่เต้าไปได้สวยในหน้าที่การงาน
อาจจะกำลังยุ่งสุดๆในชีวิตการทำงาน แต่บีเสียใจที่จะบอกว่า ช่วงอายุนี้ด้วยค่ะ
ที่เป็นโค้งสุดท้ายในการหาคู่ที่คุณยังอยู่ในจุดที่ยังสามารถเลือกได้อยู่
ยกเว้นว่าคุณจะสวยเริ่ดแบบ คุณเจนนี่ โพธิ์สุวรรณ หรืออะไรทำนองนี้
หากคุณสวยเริ่ดดั่งว่าแล้ว ป้าย “HOT item” ก็จะติดตัวคุณได้ไปอีกจนถึงประมาณอายุ
35 ค่ะ
แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็ยังอาจจะประสบปัญหาในหัวข้อเรื่องความสามารถในการมีบุตรได้
ซึ่งฝ่ายชายที่ยังไม่เคยแต่งงานมาก่อน มักจะต้องการมีบุตร ดังนั้น
อาจจะทำให้คุณเสียโอกาสในตัวชายหนุ่มกลุ่มนี้ไป
ดังนั้น ในช่วงวัยนี้ คุณยิ่งจะต้องเปิดโอกาสตัวเองให้เยอะมากกว่าปกติอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
และควรจะต้องดูแลใส่ใจในรูปร่าง หน้าตา การแต่งกายของคุณให้ดูดีเสมอๆ
อย่าลืมนะคะว่า ไม่ได้มีเพียง ปลา (คือ คุณ) ตัวเดียวในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่นี้
(“There is plenty of fish in the sea.” ตามสำนวนฝรั่งเขา) ดังนั้น
อย่าลืมว่า ในขณะเดียวกันกับที่คุณตามหารัก ยังมีปลาอีกมากมายอยู่ในสถานะเดียวกันนะคะ
คู่แข่งขันเยอะค่ะ
หญิงอายุ 33 – 39 - วัยนี้ เป็นวัยที่ฝ่ายหญิงทุกคนที่ต้องการจะมีคู่
ยังจะต้องยกเรื่องการหาคู่มาเป็นอันดับ 1 สำคัญที่สุดในลำดับอื่นๆในชีวิตทันที
(ไม่ว่าจะสามารถหรือไม่สามารถ คำตอบเดียวคือ CAN ค่ะ หากคุณยังอยากมีคู่)
วัยนี้ บีคาดหมายว่า หญิงส่วนใหญ่ชีวิตการงานลงตัวทุกอย่างดีหมดแล้ว
ยกเว้นเรื่องคู่เท่านั้น
ในวงการการหาคู่ หากคุณหน้าตาอยู่ในเกณฑ์ธรรมดาตามเกณฑ์เฉลี่ยคนทั่วไป
ในวัยนี้ หากคุณไม่เปิดกว้างเจอคนที่อายุมากกว่าตนเองอย่างน้อยสัก
5 – 12 ปีขึ้นไป และตัดเงื่อนไขอะไรต่ออะไรที่ไม่สำคัญต่อการมีคู่ครองที่ดีออกเสีย
การหาคู่จะเริ่มยากค่ะ ยกเว้นเสียแต่ว่า คุณจะโชคดีได้เจอฝ่ายชายที่โฟกัสที่นิสัยใจคออันแสนน่ารักแทน
และฝ่ายชายไม่มองเรื่องประเด็นการมีบุตรเป็นเรื่องสำคัญ
แต่บีต้องขอบอกตรงๆค่ะว่า ฝ่ายชายที่บีพบเจอ 9 ใน 10 หากเขายังไม่เคยแต่งงานมาก่อน
เขาต้องการมีบุตรกันทุกคนแหล่ะค่ะ ดังนั้น ฝ่ายชายกลุ่มนี้ เขาจะเลือกออกเดทกับคนวัยอายุไม่เกิน
32 กันเสียมาก
บีแนะนำ สำหรับกรณีที่คุณต้องการให้การหาคู่ของคุณประสบความสำเร็จง่ายขึ้นนะคะ
บีอยากให้คุณเปิดใจเดทฝ่ายชายอายุ 34 – 48 เลยค่ะ และจะเพิ่มโอกาสให้คุณมากขึ้นอีกมาก
หากคุณยินดีเดทกับคนที่เคยแต่งงานและหย่าแล้ว รวมถึงฝ่ายชายที่มีบุตรมาแล้วค่ะ
เพราะความต้องการที่จะมีบุตรของเขาจะน้อยลงมากค่ะ หรืออาจจะไม่อยากมีบุตรเพิ่มอีกเลย
ดังนั้น วัยของคุณก็จะไม่เป็นอุปสรรคอันใดในความสัมพันธ์นี้ค่ะ
ดังนั้น วัยนี้ คุณควรเปิดโอกาสตัวเองในการพบเจอคนใหม่ๆให้เยอะมากกว่าปกติอีกหลายๆๆๆเท่าเลยทีเดียวค่ะ
หญิงอายุ 40 – 45
เมื่อคุณได้เข้ามาสู่ช่วงวัยนี้ มันเป็นไปตามสถานะการณ์
Demand กับ Supply อุปสงค์ อุปทานในการหาคู่ในประเทศไทยล่ะค่ะ
ว่าการหาคู่ของคุณจะยิ่งยากขึ้น ซึ่งสำหรับฝ่ายหญิง แย่หน่อยนะคะ
ที่ว่าการหาคู่ของฝ่ายหญิงอิงกับอายุมากเหลือเกิน แต่หากฝ่ายหญิงในวัยพีค
(peak) น้อยแบบนี้ เปิดโอกาสให้ตัวเองมากขึ้น โดยการขยายช่วงอายุฝ่ายชายที่ตัวเองจะเปิดใจคบหาให้มากขึ้น
ตัดเงื่อนไขอะไรต่ออะไรที่ไม่สำคัญต่อการมีคู่ครองที่ดีออกเสีย
ก็จะช่วยทดแทนกันได้บางส่วนค่ะ
บีแนะนำให้หญิงช่วงวัยนี้เปิดกว้าง ให้เปิดใจเดทฝ่ายชายอายุ
40 – 60 เลยค่ะ และก็เหมือนหญิงช่วงอายุ 34 – 39 แหล่ะค่ะ จะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวคุณเองอีกมาก
หากคุณยินดีเดทกับคนที่เคยแต่งงานและหย่าแล้ว รวมถึงฝ่ายชายที่มีบุตรมาแล้วค่ะ
เพราะความต้องการที่จะมีบุตรของเขาจะน้อยลงมากค่ะ หรืออาจจะไม่อยากมีบุตรเพิ่มอีกเลย
ดังนั้น วัยของคุณก็จะไม่เป็นอุปสรรคอันใดในความสัมพันธ์นี้ค่ะ
อีกนั่นแหล่ะค่ะ สำหรับวัยนี้ หากเป้าหมายชีวิต ไม่ได้ตั้งไว้ว่าจะอยู่คนเดียว
คุณก็ต้องออกนอกบ้านมากขึ้น ไปทำกิจกรรม ไปร่วมงานปาร์ตี้ต่างๆนาๆ
นะคะ
หญิงอายุ 45+
สำหรับช่วงวัยนี้ ก็คล้ายๆช่วงวัยก่อนหน้านี้นะคะ
คือเปิดช่วงอายุฝ่ายชายให้กว้างขึ้น ตัดเงื่อนไขอะไรต่ออะไรที่ไม่สำคัญต่อการมีคู่ครองที่ดีออกเสีย
เข้าร่วมทำกิจกรรมนอกบ้านมากๆ เปิดโอกาสให้ตัวเองเจอคนใหม่ๆ
บีแนะนำให้หญิงช่วงวัยนี้เปิดกว้างเดทฝ่ายชายช่วงอายุ
45 – 65 เลยค่ะ และสเปค หรือ requirement อะไรที่ไม่สำคัญ ตัดออกและลดๆ
มันไปค่ะ
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นค่ะ
ผู้หญิงวัยไหนที่ผู้ชายมองหา
จากการทำงานทุกวันของบี บีขอสรุปวัยของผู้หญิงที่ฝ่ายชายแต่ละวัยมองหาออกมาคร่าวๆ
ดังนี้นะคะ
ชายอายุ 22 – 27
ชายอายุช่วงนี้ มักมองหาฝ่ายหญิงอายุเท่ากัน
หรือ น้อยกว่าตัวเองสักนิดหน่อย
และประมาณ 50% เท่านั้นที่เปิดกว้างเจอคนที่อายุมากกว่าตัวเอง
และหากเปิดกว้าง ก็มักจะเลือกเจอคนที่อายุมากกว่าตัวเองไม่เกิน
1-2 ปี เป็นอย่างมาก
ชายอายุ 28 – 32
ชายอายุช่วงนี้ มักมองหาฝ่ายหญิงอายุเท่ากัน
หรือ น้อยกว่าตัวเองประมาณ 2 -7 ปี
และประมาณ 50% เท่านั้นที่เปิดกว้างเจอคนที่อายุมากกว่าตัวเอง
และหากเปิดกว้าง ก็มักจะเลือกเจอคนที่อายุมากกว่าตัวเองไม่เกิน
1-2 ปี เป็นอย่างมาก
ชายอายุ 33 – 35
ชายอายุช่วงนี้ มักมองหาฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่าตัวเองประมาณ
3-10 ปี และประมาณ 95% มักจะไม่เปิดเจอคนที่อายุมากกว่าตัวเอง
แต่หากเปิดกว้าง ก็มักจะเลือกเจอคนที่อายุมากกว่าตัวเองไม่เกิน
1 ปี เป็นอย่างมาก
ชายอายุ 35 – 39
หากฝ่ายชายไม่เคยแต่งงาน ชายอายุช่วงนี้
มักมองหาฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่าตัวเองมากที่สุด 4-14 ปี และ 98%
มักจะไม่อยากเดทฝ่ายหญิงที่อายุเท่ากันหรือมากกว่าตนเอง
แต่หากฝ่ายชายเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ฝ่ายชายมักจะเปิดกว้างในการพบฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่าตัวเองมากที่สุด
3-14 ปี และ 50% ของผู้ชายกลุ่มนี้ยังเปิดกว้างที่จะเดทฝ่ายหญิงที่อายุเท่ากันหรือมากกว่าตนเอง
แต่มักจะไม่เกิน 2-3 ปี เป็นอย่างมาก
ชายอายุ 40 – 45
หากฝ่ายชายไม่เคยแต่งงาน ชายอายุช่วงนี้
มักมองหาฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่าตัวเองมากที่สุด 5-20 ปี และ 98%
มักจะไม่อยากเดทฝ่ายหญิงที่อายุเท่ากันหรือมากกว่าตนเอง
แต่หากฝ่ายชายเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว ฝ่ายชายมักจะเปิดกว้างในการพบฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่าตัวเองมากที่สุด
5-20 ปี และ 50% ของผู้ชายกลุ่มนี้ยังเปิดกว้างที่จะเดทฝ่ายหญิงที่อายุเท่ากันหรือมากกว่าตนเอง
แต่มักจะไม่เกิน 2-3 ปี เป็นอย่างมาก
ชายอายุ 46+
หากฝ่ายชายไม่เคยแต่งงาน ชายอายุช่วงนี้
มักมองหาฝ่ายหญิงอายุน้อยกว่าตัวเองมากที่สุด 8-30 ปี (กรณี
30 ปีนี่ บีหมายถึงคนอายุ 60 ขึ้นไปหลายคน ที่ยังมองหาคนอายุ
30 ปีเท่านั้น) เนื่องจากบางคน ยังต้องการมีบุตรอยู่ (และก็มีบางคนที่อยากมีแฟนเด็กค่ะ)
แต่หากฝ่ายชายเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว 50% ของผู้ชายกลุ่มนี้ยังเปิดกว้างที่จะเดทฝ่ายหญิงที่อายุเท่ากันหรือมากกว่าตนเอง
แต่มักจะไม่เกิน 2-3 ปี เป็นอย่างมาก
อีกสิ่งหนึ่งที่บีอยากทิ้งท้ายนะคะ จากจำนวนฝ่ายชาย 98 ใน 100
คนที่บีเคยสัมภาษณ์มา ไม่ว่าเขาจะอ้วนหรือผอม ไม่ว่าเขาจะหล่อมาก
หรือหล่อน้อยมาก ไม่ว่าเขาจะมีเงินมาก หรือมีเงินน้อยหน่อย สเปครูปร่างหน้าตาฝ่ายหญิงที่เขามองหา
คล้ายกันมากค่ะ
ซึ่งสเปคที่ฝ่ายชายต่างต้องการในการหาคู่
บีแบ่งออกมาเป็นข้อๆรวมๆได้ดังนี้ค่ะ
• หญิงสาวที่หน้าตาน่ารัก ถึงสวยมากกก
• ผิวขาว หมวย ยังเป็นเทรนด์ฮิต
• ผมยาว ยังได้รับการนิยมมากกว่าผมสั้น (8 ใน 10)
• รูปร่างดี ไม่อ้วน ไม่อวบ!!
• สูงหน่อย สัก 160 เซนติเมตรขึ้นไป แต่ส่วนสูงของสาวในฝันของชายหนุ่มคือ
165 เซนติเมตรขึ้นไปค่ะ
อันดับความสำคัญที่ฝ่ายชาย 10 ใน 10
ตั้งเกณฑ์ในการหาคู่ เป็นตามนี้ค่ะ
สำคัญอันดับ 1 หน้าตา
สำคัญอันดับ 2 รูปร่าง ส่วนสูง
สำคัญอันดับ 3 อายุ
สำคัญอันดับ 4 นิสัย
ขอแป่วววว นิดนึงนะคะ เห็นอย่างหนึ่งไหมคะว่า
การศึกษาไม่อยู่ในอันดับการเลือกคู่ top 3 ของฝ่ายชาย ณ ที่นี้
หากจะให้บีใส่อันดับความสำคัญของการศึกษา มันคือ อันดับที่ 5
ค่ะ
ฝ่ายชายที่บีเคยสัมภาษณ์มาหลายท่านนี่ ขนาดเขารวยล้นฟ้า
เขาจบนอกมาด้วยซ้ำ การศึกษาเขายังเอาไว้อันดับล่างสุดเลยค่ะ
เขาบอกบีว่า ขอแค่ให้ฝ่ายหญิงไม่โง่นัก แต่ใฝ่รู้ เต็มใจเรียนรู้
พูดคุยรู้เรื่อง มีงานการดีๆทำที่ไม่จำเป็นต้องเริ่ดนัก แต่ขอหน้าตาดีมากเป็นหลัก
รูปร่างดี นิสัยดีแล้ว การศึกษาไม่สำคัญค่ะ!!!
หรืออย่างปกติหน่อย ฝ่ายชายก็มักจะบอกว่า ก็เอาให้มันเหมาะสมกับเขาก็พอค่ะ
เช่น หากเขาจบปริญญาโทเมืองนอก เขาก็จะแค่บอกบีว่า ฝ่ายหญิงจบปริญญาตรีก็โอเคแล้วครับ
จบนอกเหมือนกันได้ก็ดี แต่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญในการหาคู่ของเขา
รายได้ ไม่อยู่ในประเด็นการหาคู่ของฝ่ายชายเลยค่ะ
ฝ่ายชายมักจะบอกเพียงแค่ว่า ขอแค่มีการงานทำ ไม่หวังแต่จะมาเกาะเขากินก็พอ
แต่ฝ่ายหญิงน่ะสิคะ มักจะเลือกไปโม้ดดด การศึกษาก็ต้องเหมาะสมกับฉันนะ
ฐานะด้วย เงินเดือนต้องหลักแสนขึ้นไป ส่วนสูงด้วย ห้ามอ้วนด้วยนะ
จะได้เอาเข้ากลุ่มเพื่อนฝูงได้ไม่อายใคร หาได้รู้ไม่ค่ะ ว่าฝ่ายชายเขา
focus กันคนละอย่าง ดังนั้น ถึงคุณผู้หญิงจะจบเริ่ดหรู สกุลสูง
เงินเดือน 5 แสน แต่ไม่สวย ไม่น่ารักนี่ ก็หาคู่ไม่ง่ายนะคะ
ยกเว้นว่า ฝ่ายชายจะหาคู่แต่งงานเพื่อสร้างฐานะนี่ ก็ว่าไปอย่างค่ะ
(บีถึงได้บอกว่า เชื่อเถอะค่ะ อีกไม่นานเกินรอ เทรนด์ทำศัลยกรรมจากขี้เหร่ไปสวยนี่
จะมาแรงจริงๆค่ะ บ้านเราจะทำกันเป็นปกติแบบเกาหลีเลยล่ะ ดีไม่ดี
ก่อนจะเก็บตังค์ซื้อรถ ซื้อบ้าน จะเป็นเก็บตังค์ทำหน้ากันก่อนค่ะ)
สรุปจากข้างบนคือ สำหรับการหาคู่ของฝ่ายชาย หากฝ่ายหญิงนิสัยดี
แต่หน้าตาไม่ดี รูปร่างไม่ดี อายุเกินที่จะมีบุตรให้เขานี่ ฝ่ายชายขอผ่านนะคะ
บีถึงได้บอกว่า เป็นฝ่ายหญิงนี่ เสียเปรียบหลายปัจจัยค่ะ
แต่หากเราไม่ต้องการใช้ชีวิตโสด นี่เป็นสิ่งที่คุณควรรู้ค่ะ
“รู้เขา รู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง” ค่ะ : ) สิ่งที่บีบอกไป
อาจจะบาดใจ แต่รู้ไว้ ดีกว่าไม่รู้ ถูกไหมคะ
ผู้หญิงแบบไหนที่ผู้ชายต่างมองหา
เอาล่ะค่ะ หลังจากทราบเรื่องช่วงอายุคร่าวๆที่ฝ่ายชายมักจะมองหากันในแต่ละช่วงวัยแล้ว
เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าฝ่ายชายมักจะมองหาฝ่ายหญิงที่มีลักษณะหลักๆแบบไหน
รูปลักษณ์
“A man falls in love through his eyes, a woman
through her ears.” ที่ Woodrow Wyatt กล่าวไม่ผิดเพี้ยนเลยค่ะ
ฝ่ายชายทุกคนล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชาติไหน มาจากประเทศไหน
ทุกช่วงวัย ต่างมุ่งหวังมองหาคนสวย หน้าตาดี น่ารัก รูปร่างดี
(หมายถึงไม่อ้วน ไม่ผอมโกรกเกินไป) มาเป็นแฟนกันทั้งนั้นเลยค่ะ
และ บีบอกได้เลยว่า 98% ของฝ่ายชายเลือกหน้าตามาเป็นอันดับแรกในการหาคู่กันทั้งนั้นค่ะ
อีก 2% ที่เหลือ เขาบอกว่า หน้าตาอาจจะไม่ใช่อันดับสำคัญที่สุด
แต่บุคลิก การแต่งกาย และภาพลักษณ์โดยรวมมากกว่า ที่เขาคำนึงถึง
แต่ก็อีกนั่นแหล่ะค่ะ บีก็ยังเห็นเขาดูหน้าตากันเป็นหลักอยู่ดี
ถึงรูปร่างจะดีมากๆๆๆ เซ็กซี่สุดๆ แต่หน้าตาแย่นี่ บีก็ไม่เคยเห็นฝ่ายชายเขาตอบรับเดทกันเสียเท่าไหร่นะคะ
ดังนั้น คุณผู้หญิงทั้งหลายคะ หากปัจจุบัน ถึงเราจะไม่สวยเด่นสะดุดตา
แต่ของแบบนี้ มันสร้างกันได้นะคะ ดูคุณกาละแมตอนอ่านข่าวใหม่ๆสิคะ
เทียบกับปัจจุบันนี้ คนละเรื่องเห็นๆกันอยู่ค่ะ : )
(อิอิ ขอโทษนะคะ คุณกาละแม ขออนุญาติอ้างอิงนิสนึงนะคะ : ))
หากเรารักษารูปร่าง น้ำหนักให้เหมาะสม ผิวพรรณให้สะอาดสะอ้าน
หอมกรุ่น (ด้วยน้ำหอมรสนิยมดี) แต่งตัวให้ดูเหมาะสม มีสไตล์สำหรับตัวเรา
แต่งหน้าให้ถูกต้องเหมาะสม ไฝฝ้ากระ สิว หากมีมากเกินไปจนเกินงาม
ก็หาหมอผิวหนังดูแลสภาพหน้าเสีย
แต่หากต้นทุนทางหน้าตาของเรามันไม่ดีเสียเลยจริงๆ
ทำให้การหาคู่เรายากมากๆแล้ว ในกรณีนี้ หากคุณมีเงินและไม่กลัวเจ็บ
การทำศัลยกรรมก็ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าจะช่วยคุณได้นะคะ อย่างไรก็ตาม
เรื่องการทำศัลยกรรมอาจจะไม่ใช่เรื่องเพียงแค่เล็กน้อยในสังคมไทยในปัจจุบัน
ดังนั้น ปรึกษาคุณพ่อ คุณแม่ ญาติผู้ใหญ่และผู้เชี่ยวชาญให้รอบคอบก่อนนะคะ
ว่าเหมาะสมกับคุณหรือไม่
อย่างที่ทราบๆ กันนะคะ ว่าการทำศัลยกรรมเพื่อหน้าตาสวยงามเป็นที่แพร่หลายมากๆในประเทศเกาหลี
และบีว่า เทรนด์นี้สุดท้ายมันจะมาไทยแน่นอนค่ะ ไม่น่าจะเกินใน
4 ปีนี้ โดยจะแรงมากในกลุ่มวัยหนุ่มสาวที่ยังมองหาคู่กันอยู่
โลกมันเปลี่ยนไปค่ะ
การแต่งกาย
สิ่งที่บีอยากจะให้ focus เรื่องการแต่งกาย ก็คือ
การแต่งกายให้เหมาะสมกับรูปร่าง และบุคลิกของเรา
หากรูปร่างของเรา ไม่ใช่รูปร่างที่ใส่อะไรก็สวย
เราก็จะต้องรู้จักที่จะเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับรูปร่างของเรานะคะ
ว่าควรจะพรางสิ่งใด เน้นสิ่งใดแทน เพื่อให้รูปร่างเราออกมาดู
balance ดูดี
บีสัมภาษณ์ผู้ชายมามากมายค่ะ บอกได้เลยว่า ฝ่ายชายส่วนใหญ่
ก็มักจะบอกแค่ว่า เขาต้องการเดทฝ่ายหญิงที่แต่งกายดูดี
ซึ่งจากการพูดคุย บีก็ขยายความได้ว่า การแต่งกายดี
คือ สะอาดสะอ้าน ดูดี ถูกกาละเทศะ ไม่ล้ำนำสมัย จนเดินด้วยแล้วรู้สึกอึดอัด
และก็ไม่เชยจนรู้สึกขัดเขินที่จะไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่โป๊ ไม่แต่งตัวเชิญชวนจนทำให้เขาไขว้เขวว่า
ยายผู้หญิงคนนี้จะเหมาะเป็นแม่ของลูกฉันหรือเปล่าหว่า (ผู้ชาย
สุดท้ายเวลาเขาจะเลือกแต่งงานกับใครสักคน เขาจะมีคำถามนี้ขึ้นมาในหัวค่ะว่า
ผู้หญิงคนนี้เหมาะที่จะเป็นแม่ของลูกของเขาหรือไม่)
สูตรการแต่งตัวที่เหมาะสมในการออกเดท ที่บีใช้ประจำๆ
คือไม่ปกปิดมากไป และไม่เปิดเผยเกินไป นั่นคือ คุณอาจจะใส่เสื้อแขนกุด
หรือสายเดี่ยวที่ไม่คว้านลึก โชว์แขนขาวนวลทั้งสองด้าน สำหรับท่อนล่าง
จะแต่งอย่างไรก็ได้ แต่อย่างที่เปิดเผยมากสุด คือ โชว์ได้เฉพาะช่วงขาเหนือหัวเข่าได้สัก
4-5 นิ้ว ไม่มากกว่านั้น (จะเซ็กซี่ จะเปรี้ยวเข็ดฟัน ก็เก็บไว้ก่อนค่ะ
ไว้เป็นแฟนกับเขาก่อน แล้วค่อยปล่อยความเปรี้ยวออกมาทีละน้อย
ให้เขารักเราก่อนนะคะ แล้วทำอะไรทีนี้ เขาก็รับเราได้ค่ะ : ))
สำหรับเสื้อผ้าแบรนด์เนมอะไรนั่น ไม่สำคัญหรอกค่ะ
ฝ่ายชายเขาไม่ได้สนใจเรื่องยี่ห้อเสื้อผ้า แต่ต้องเอาให้มันเหมาะสมกับฐานะ
สถานะทางสังคมของคุณ (หากคุณสถานะสังคมสูง อันนี้ แบรนด์เนมก็อาจจะต้องมีไว้ใช้สอยบ้าง
เผื่อออกงาน)
บีขออนุญาติแนะนำว่า เวลาเลือกซื้อเสื้อผ้า เน้นให้เหมาะกับสถานการณ์
งานหรือกลุ่มคนในงาน และให้เหมาะกับรูปร่าง หน้าตา และบุคลิกเราจะเป็นการดีที่สุดค่ะ
บีว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยเข้าใจเลยว่า แต่งตัวอย่างไรให้เหมาะกับบุคลิก
และตัวตนของตัวเอง เห็นแต่งกันตามๆกัน เป็นพิมพ์นิยมกันไปหมด
โดยไม่ได้คำนึงถึงรูปร่างและหน้าตาของตนเอง บางที บีก็เข้าใจนะคะ
ว่าสังคมออฟฟิศบ้านเรา สาวๆ ก็ shopping ตลาดนัดข้างออฟฟิศเหมือนกัน
สูง ต่ำ ดำ ขาว อ้วน สูง เลยกลายเป็นมี choice เดียวกัน เลยพาลซื้อของใช้
ใส่เหมือนกันไปหมด ลืมพิจารณาดูความเหมาะสมกับวัย รูปร่าง และบุคลิกของเรา
บีอยากจะให้ฉุกคิดสักนิดค่ะว่าเราเหมาะกับการแต่งตัวแนวใด
แบบไหน อย่าได้เพียงแต่ประโคมใส่เข้าไปตามกระแสนิยมตามเพื่อน
นั่นล่ะค่ะ ความแตกต่างระหว่างคำว่า “แห่ตามแฟชั่น” กับคำว่า
”มีสไตล์” ทีนี้ เวลาซื้อเสื้อผ้า สิ่งของ เครื่องประดับ คิดก่อนนะคะ
ว่าอันนี้ ฉันกำลัง ตามแฟชั่น หรือว่า ฉันแต่งเสริมสไตล์ฉัน
สีเสื้อผ้าที่เลือกใส่กัน ก็มักจะเป็นสีปลอดภัยกันทั้งนั้น
คือแนวทึมๆ ดำ ขาว เทา ชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน อะไรแนวนี้ บีอยากให้เปิดใจ
ลองใส่เสื้อผ้าหลากสีขึ้น สีสดขึ้น เช่น เหลืองสด เขียวสด แดงสด
ส้มอะไรแนวนี้ค่ะ ลองใส่ดูสิคะ บีรับรองเลยว่าจะทำให้ทุกคนรู้สึกสดใสขึ้นเป็นกอง
: )
กระเป๋าก็เหมือนกันค่ะ ผู้หญิงเรามักจะซื้อของ
copy ตามกันไปหมด เราก็จะเห็นสาวๆส่วนใหญ่ หลายวัย หลากอาชีพ
แต่งตัวคล้ายกัน หิ้วหรือสะพายกระเป๋าหลุยส์ก๊อปปี้เหมือนกันขึ้นรถ
BTS และ MRT แต่หน้ากับการแต่งตัวมันไม่ให้เล้ยย เหลือบดูก็รู้ค่ะ
ไม่ต้องพลิกกระเป๋า แวบเดียวจากบุคลิก การแต่งกายโดยรวม ก็ประเมินได้แล้วค่ะ
ว่ากระเป๋าจริงหรือ copy
บีอยากให้พี่ๆน้องๆหันมาลองเลือกซื้อกระเป๋าที่ดีไซน์หรือรูปลักษณ์ของมันมากกว่า
หากฐานะไม่ถึง ไม่จำเป็นต้องเป็น
แบรนด์เนมอะไรหรอกค่ะ เลือกกระเป๋าสวยๆดีไซน์เก๋ ตัดเย็บดีเหมาะกับเราก็สวยเกินพอแล้วค่ะ
การแต่งหน้า
บีเชื่อว่าทุกคนคงมีความรู้เรื่องการแต่งหน้ากันอยู่บ้างแล้วนะคะ
บีว่าคงไม่ต้องบอกกันมากในเรื่องนี้ แต่บีอยากข้อเน้น เรื่องการแต่งหน้าให้ดูธรรมชาติและเหมาะกับงานและสถานที่ที่จะต้องไปดีกว่านะคะ
จากการที่บีสัมภาษณ์ฝ่ายชายทุกชาติ ศาสนา และช่วงวัย
นอกจากเรื่องรูปร่างที่ดีสมส่วน ห้ามอ้วนและอวบอั๋นเด็ดขาดแล้ว
อีกสิ่งหนึ่งที่ฝ่ายชายเน้นนักหนาก็คือเรื่องหน้าตาที่แต่งแบบธรรมชาติ
ชายหนุ่มบางคน (แต่ส่วนน้อยค่ะ) ถึงกับบอกบีว่า ไม่ต้องแต่งเลยยิ่งดีครับ
ผมชอบแบบธรรมชาติ (แต่หวีผมสักหน่อยนะคะ หลังจากตื่นนอน)
ไม่มีชายหนุ่มคนใดสักคนเลยค่ะ ที่บอกบีว่า ต้องการเจอฝ่ายหญิงที่แต่งหน้าหนาๆ
จัดๆ (อันนี้ รวมถึงการฉีด Botox มากเกินไปด้วยนะคะ บีเคยเห็นบางคน
ฉีด Botox เสียหน้าไม่ขยับเลยค่ะ แม้กระทั่งเวลายิ้ม อันนี้ก็ห้ามเด็ดขาดนะคะ)
ชายหนุ่มมักจะบอกว่าเขาชอบฝ่ายหญิงที่แต่งหน้าธรรมชาติ
หน้าเนียน (ไม่มันแวววาวด้วยเหงื่อ) ไม่รองพื้นเสียหนาจนดูหน้าเป็นขนมเค้กในเวลากลางวัน
ยามค่ำ ไปงานกลางคืน อาจจะเข้มได้อีกเล็กน้อย
หากไม่รู้จะแต่งหน้าแนวธรรมชาติเนียนใสอย่างไรจริงๆ
ก็อย่างที่คนส่วนใหญ่ทำกันเลยค่ะ ไปเคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์สักที่
โดยเน้นแบรนด์ที่มักจะแต่งหน้าออกแนวโทนใสธรรมชาติ แล้วขอให้เขาช่วยแต่งให้เป็นแนวทางนะคะ
หรือไม่ เดี๋ยวนี้แค่ google แต่งหน้าแนวธรรมชาติ
ก็มีขึ้นมามากมายเป็นวีดีโอสอนแต่งหน้าให้เราทำตามหน้า laptop
ได้เลยในห้องนอน : ) ลองกันดูนะคะ
ที่แบงคอก แมทชิ่ง บีให้ความสำคัญเรื่องการแนะนำสมาชิกให้รู้จักการดูแลความสวยงามของตัวเองมาก
เรามี Make up artist และ Stylelist แนะนำการแต่งหน้า การแต่งกายให้สมาชิกของเราด้วยนะคะ
หากพี่ๆน้องๆท่านใด ต้องการคำแนะนำ โทรศัพท์มาสอบถามกันได้ค่ะ
: )
นิสัย
หลังจากที่คุณผ่านด่านหน้าตาของฝ่ายชายมาแล้ว
ต่อไป หากเขาเลือกคบคุณด้วยความจริงใจเพื่อความสัมพันธ์อันจริงจังแล้ว
เขาจะเน้นที่นิสัยของคุณล่ะค่ะ
ฝ่ายชายร้อยทั้งร้อยล่ะค่ะ เขามองหาผู้หญิงที่มีนิสัยที่ดี
นิสัยน่ารัก จิตใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ ไม่ขี้เหนียวจนเกินเหตุ
ไม่ฟุ่มเฟือยจนเกินตัว มีงานการทำ ไม่เห็นเขาเป็นบ่อทองเคลื่อนที่
เป็นคนร่าเริง แจ่มใส มองโลกแง่ดี สบายๆ ไม่ง๊องแง๊ง งี่เง่า
ขี้อ้อนเกินเหตุ มีเหตุผล ไม่เหวี่ยงวีน จิกกัด ดุดันเป็นแม่เสือสาว
ตะคอกเอาๆ อารมณ์ขึ้นลงเป็นวันเมนส์มา อย่างนี้ไม่มีใครเขาอยากอยู่ใกล้หรอกนะคะ
สวยแค่ไหน งานนี้ก็ไม่มีใครทน
พูดไป แล้วก็นึกได้ว่า บีมีลูกค้าชายอยู่ท่านหนึ่งซึ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากมาย
บอกบีว่า สเปคเขา
ต้องการสาวอายุน้อย สวยมากๆ นิสัยไม่ดีไม่เป็นไร บียังถามกลับไป
ว่าเอาจริงเหรอคะ นิสัยไม่ดีไม่เป็นไรนี่นะคะ เน้นสวยมากๆๆๆเอาไว้ก่อน
สรุป เราก็จัดให้เขาเดทกับลูกค้าสวยมากๆของเราท่านนึงค่ะ
ที่นิสัยลมเพลมพัด ขึ้นอยู่กับวันนั้น she ลุกจากเตียงฝั่งไหน
คุณลูกค้าผู้ชายมาบอกบีหลังจากออกเดทว่า คุณบีครับ
ผมไปเดทมาแล้วนะ ไม่ไหวเลยครับ ตอนเจอกันแรกๆ น้องเขาสายเสียหลายชั่วโมง
ผมนี่นั่งรอจนเบื่อ พอมาเจอกัน น้องเขาก็หน้าบึ้งตึงเข้าใส่
ไม่ทักทาย นั่งลงแล้วสั่งอาหารทาน หน้าผมก็ยังไม่ยอมมอง เอ่ออ
สวยถูกใจจริงครับ แต่มารยาทแบบนี้ ผมก็ไม่ไหวนะครับ บีล่ะอยากจะบอกว่า
ก็บีบอกแล้ว ก็ยังยืนยันจะเอาแต่สวยๆๆๆ สวยเท่านั้น อย่างอื่นไม่สนใจ
เฮ้อออออ
สรุปก็คือ ผู้ชายทุกคนแหล่ะค่ะ เขาต้องการมีแฟนนิสัยดี
น่ารัก คนที่เขาอยู่ด้วยแล้วมีความสุขค่ะ คนที่ไม่ปาร์ตี้จัด
ไม่ดื่มเหล้าเป็นน้ำ ไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะเรื่องสูบบุหรี่นี่
บีบอกได้เลยนะคะ ว่า 9 ใน 10 ของฝ่ายชายที่มองหาคู่จริงจัง ไม่ต้องการพบฝ่ายหญิงที่สูบบุหรี่นะคะ
ถึงว่าเขาจะสูบบุหรี่เองด้วยซ้ำนะคะ : )
อีกประการหนึ่งที่บีจะบอกคือ อยากให้ผู้หญิงแสนเก่งยุคใหม่ทุกคน
ทำกับข้าวเป็นบ้างนะคะ อย่างที่คำคมเขาว่า "The way to
a man’s heart is through his stomach” บีว่าการทำอาหารมันช่วยให้ผู้หญิงมีเสน่ห์ขึ้นมากจริงๆนะคะ
ผู้ชายทุกคนแหล่ะค่ะ หากเลือกได้ นอกจากรูปลักษณ์ภายนอก
นิสัยที่ดีภายใน หากแฟนตนสามารถทำกับข้าวได้ด้วย แล้วยิ่งทำได้อร่อยด้วยล่ะก็ยิ่งปลื้มค่ะ
ผู้หญิง (รวมถึงผู้ชาย) อยู่ในห้องครัว ทำกับข้าว sexy ออกค่ะ
: )
ขอสารภาพ บียังตกหลุมรักคู่หมั้น (ที่กำลังจะแต่งงานกันปลายปีนี้ค่ะ
: ) ในวันที่เขาเข้าครัวทำอาหารแสนอร่อยให้ทาน แวบที่เห็นเขาแต่งตัวสะอาดๆ
แมนๆ กางเกงยีนส์เท่ห์ๆ เสื้อยืดดูดี สะอาดสะอ้านมีสกุลตัว ยืนหั่นสรรพสิ่ง
ยกกระทะ ตวัดสปาเกตตี้สองที ทำน้ำสลัด จัดผักใส่จาน (มีแถมหวานป้อนใส่ปากให้ชิมด้วยนี่)
โอยยย ตกหลุมรักอย่างแรงเลยค่ะ นาทีนั้น ; ) บีได้คำตอบในใจเลยค่ะ
He is the one for me : ).
อีกอย่างนะคะ บีเห็นฝ่ายหญิงใกล้ตัวหลายๆคนเลยค่ะ
มีแฟนแล้วก็เลิกรากันไป แต่พอหัดทำกับข้าว แล้วมาทำให้แฟน(ใหม่)ทาน
ไม่รู้เป็นอะไรกันค่ะ แฟนหนุ่มขอแต่งงานทุกราย ภายใน 1 ปีที่คบกันด้วยนะคะ
รวมเคสบีด้วยนะคะนี่ ; ) ของอย่างนี้ ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่ค่ะ
เมื่อก่อนบีก็ทำกับข้าวไม่เป็นนะคะ แต่พอมารู้จักแฟนคนนี้
(ที่อยู่บนหน้าปกกับบีด้วยอ่ะ : ) บีก็รู้สึกว่า การทำอาหารน่าสนุก
และทำให้ผู้หญิงดูมีคุณค่าและ sexy อีกต่างหาก บีเลยหัดทำเองค่ะ
จิบไวน์แดงสักแก้วไปด้วย เปิด laptop ดูสูตรไว้ด้วย หั่นผัก
ตั้งกระทะ เชื่อบีนะคะ คุณผู้หญิงทั้งหลาย ลองทำดูค่ะ คุณจะรู้สึกภูมิใจในตัวเอง
มีความสุข แถมรู้สึก sexy ด้วยค่ะ ลองดูนะคะ!! ได้ผลอย่างไร
เมลล์มาบอกกันด้วยนะคะ ; )
สเปคชายหนุ่มที่ผู้หญิงควรโฟกัสในการเลือกคู่
บีทำงานตรงนี้ในฐานะ Matchmaker นี่ ทำให้ได้ทราบเรื่องความต้องการในการหาคู่ของฝ่ายหญิงเป็นจำนวนมาก
จนถึงปัจจุบันก็เป็นหมื่นๆ คนก็ว่าได้นะคะ
มีหลายคน และหลายเคสเลยทีเดียวค่ะ ทั้งที่เป็นลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้าของเรา
ที่บางที ประเด็นการเลือกฝ่ายชายของเขาก็ทำให้เขาข้ามผู้ชายดีๆไปอย่างน่าเสียดายค่ะ
อย่างเช่น ฝ่ายชายตัวเตี้ยไปกว่าที่ตั้งไว้ไม่กี่เซนติเมตร อวบไปนิด
แต่งตัวเชยไปหน่อย ทำงานที่ไม่ตรงสาขาที่เขาต้องการ ไม่รวยพอ
ไม่หล่อพอ ปากหนาไปหน่อย จมูกเบี้ยวไปนิด อะไรแบบนี้ มีนะคะ
ผ่ายหญิงบางคนทั้งที่เขาอยู่ในวัย 30 กว่าๆแล้ว ก็บอกเราว่า
อยากเจอแบบแบดบอย เที่ยว กินเหล้า เจ้าชู้ อะไรหยั่งงี้
บีฟังแล้วได้แต่ปวดตับ เอ๊า เอาเข้าไป คิดจะหาแฟน
แค่แฟน ณ ปัจจุบันนี้ ไม่เผื่อไปถึงอนาคตข้างหน้าเลยเหรอ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่มาใช้บริการจัดหาคู่ของเรานี่
ซึ่งเป็นการหาคู่เพื่อการแต่งงาน
หากเรายังอยู่ในวัยใสอายุต่ำกว่า 25 ปีลงไป ก็ตามใจเลยค่ะ
จะคบแฟนแค่ควงเล่นพลางๆ ตามวัย ก็ยังพอเข้าใจได้ แต่หากคุณอายุ
26 ขึ้นไปแล้ว อยากให้โฟกัสมากขึ้นในการหาคู่นะคะ เพราะสำหรับคนไทยเราแล้ว
ส่วนใหญ่ ต้องใช้เวลาศึกษาดูใจกันเป็น 3-4 ปีขึ้นไป ถึงจะเริ่มพูดคุยเรื่องการแต่งงาน
ดังนั้น หากคุณอายุ 26 ปี ศึกษาดูใจกันอีก 3-4 ปี คุณก็อายุ
30 แล้วนะคะ ดังนั้น คุณจะมัวหลงทาง ศึกษากับคนผิดคนนานเกินไปไม่ได้เด็ดขาดค่ะ
เสียเวลาอันมีค่าของฝ่ายหญิงอย่างเราๆค่ะ (ถึงว่า เวลาเลิกกับฝ่ายชาย
เราจะต้องเป็นนางฟ้า พูดไปว่า “ฉันไม่เสียดายเวลาที่เราคบกันนะคะ”
ก็เถอะ)
บีจึงอยากจะแนะนำนิดนึงนะคะว่าสิ่งที่คุณควรจะโฟกัสในการเลือกคู่สักคน
น่าจะเป็นอะไรที่เป็นเพื่อความสัมพันธ์ระยะยาว อย่างน้อย คนที่คุณเลือกคบน่าจะเป็นคนที่คุณมองเห็นแล้วว่าน่าจะมีความสุขในการอยู่ด้วยกัน
มากกว่าความทุกข์ที่เราเห็นแววว่าน่าจะเจอ ไม่งั้น อย่าไปเลือกมันค่ะ
ชีวิตเราทั้งชีวิตนะคะ คุณขา
เอาล่ะค่ะ เรามาลองคิดกันดูนะคะ ว่าเมื่อคำตอบสุดท้ายของการมีคู่
คือ การมีสามีที่ดี ซึ่งจะนำมาซึ่งครอบครัวที่อบอุ่น ดังนั้น
คุณสมบัติของสามีที่ดีที่ “ต้อง” มี ซึ่งบีให้ list ได้เพียง
8 ข้อเท่านั้นนะคะ ว่าน่าจะมีอะไรบ้าง
คิดค่ะ
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิด
คิดได้หรือยังคะ : )
เอาล่ะ ยกตัวอย่างนะคะ สำหรับบี สามีที่ดี “ต้อง” มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. มีการงานที่ดี มีอนาคต
2. ไม่ทำร้ายร่างกายเรา ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
3. เวลามีปัญหา ต้องพร้อมพูดคุยปรับความเข้าใจกัน
4. ไม่ดื่มเหล้า ไม่ติดการพนัน
5. ไม่เจ้าชู้
6. ไม่เห็นแก่ตัว
7. มีทัศนคติที่ดีต่อการใช้เงิน คือรู้จักเก็บออมและรู้จักใช้เมื่อต้องใช้
8. มีความคิดที่สอดคล้องกันในการเลี้ยงดูบุตร
ลองลิสต์รายการของคุณออกมานะคะ บีเชื่อว่า ทุกคนจะได้คำตอบเหมือนกันคือ
คู่ครองทีดีที่จะอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต โดยจะไม่มีการหย่าร้าง
ไม่ได้มีข้อสวย หล่อ หุ่นดี คิ้วเข้ม สูงยาว ใช่ไหมคะ (ได้โปรด
ตอบว่าใช่นะคะ ไม่งั้น บีขออนุญาติปวดตับอีกรอบ เพราะคุณผู้อ่านกับบีรู้จักกันผ่านตัวอักษร
ไม่อย่างนั้น บีคงต้องขออนุญาติจับตัวคุณผู้อ่านเขย่าหน่อยนะคะ
พร้อมถามว่า “คิดอะไรอยู่ยะเธอ คิดอะไรยู้”)
นั่นแหล่ะค่ะ ที่บีอยากจะบอก หากว่า คนที่เราคบหาอยู่มีคุณสมบัติครบ
8 ข้อ ตามที่คุณตั้งไว้ว่าสามีในอนาคตของคุณต้องมีแล้ว และยังแถมหน้าตาดี
หล่อ รวยด้วย ถือว่าคุณได้เป็น Bonus ไป แต่หากว่า เขาไม่ได้หล่อล่ำอะไร
บีอยากให้คุณผู้หญิงทุกคนโฟกัสให้ถูกจุดค่ะ อย่าได้ปฏิเสธรักคนดีๆไป
ด้วยความคิดที่ว่า เราต้องหาให้ได้ดีกว่านี้ หาไปเรื่อยๆ อายุเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
สุดท้าย ระวังนะคะ คุณจะอยู่ในวัยที่เลือกไม่ได้อีกต่อไป เลือกๆไป
สุดท้ายคนที่เหลือให้คุณเลือกจะมีแต่แบบที่คุณเคยปฏิเสธไปแล้วทั้งนั้น
แล้วคุณจะต้องเหงาใช้ชีวิตเดียวดายจนตาย
ยกตัวอย่างเช่นว่า สมมุติว่าตอนนี้ คุณอายุ 40
ปี แล้วคุณตั้งใจไว้ว่าจะไม่เดทคนอ้วน หัวล้านเด็ดขาด แล้ว เลือกไปๆๆ
ผ่านไปๆๆ จนคุณอายุ 45 ปีนะคะ ทีนี้ ผู้ชายวัยที่เขาหาคู่วัยคุณ
หนีอ้วนกับหัวล้านแทบจะยากล่ะค่ะ บีจะบอกว่า เลือกไปเรื่อยๆ
อายุคุณเพิ่มไปเรื่อยๆ สุดท้ายคุณก็จะมาเจอคู่เดทที่แก่ตามวัยแบบนี้ก็มีถมไปนะคะ
อีกอย่าง สำคัญมากค่ะ มีผู้หญิงอีกมากมายที่เขาเข้าใจสัจธรรมโลก
แบบที่บีว่ามา เขาก็จะคว้าผู้ชายนิสัยดีๆเหล่านั้นไปกันเสียหมดนะคะ
สุดท้าย ก็จะเหลือแต่ผู้ชายนิสัยแย่ๆ เจ้าชู้ไปวัน (แถมอ้วน
หัวล้าน มีหนวด ใส่ฟันทองอีกก็เป็นได้) อย่างที่บีเห็นเขาพูดกันบน
Twitter บ่อยๆว่า “ผู้ชายเอี้ยๆ ใช้ตีนเขี่ยก็เจอ”
บีขอบอกก่อนนะคะ ว่าบีไม่ได้กำลังจะบอกให้คุณคว้าใครก็ได้
ให้ได้ชื่อว่ามีแฟน หรือมีคนอยู่ด้วยแก้เหงาเศร้าทรวง อันนั้น
ก็ไม่สมควรค่ะ เพราะการที่คุณจะเลือกใครเป็นแฟนสักคนที่จะพัฒนามาเป็นสามีในอนาคต
ที่คุณจะต้องใช้ชีวิตมากกว่า 40-50 ปีด้วยกัน เขาคนนั้นจะต้องเป็นคนดีหลายๆประการนะคะ
ถึงจะอยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิต ตลอดรอดฝั่ง
แต่สิ่งที่บีอยากจะบอก ก็คือ ให้คุณผู้หญิงทุกคนตั้งสติ
คิดให้ดี ว่าอะไรที่สำคัญและไม่สำคัญในการหาคู่ครองเพื่อการแต่งงานที่ยั่งยืน
และคนคนนั้นที่คุณจะอยู่ด้วยอย่างมีความสุขในอนาคต และในระยะยาว
สำหรับบี ความสูง ไม่สำคัญ รูปร่าง ไม่สำคัญ
ความรวย ไม่สำคัญ ความหล่อ ไม่สำคัญ การพูดคำหวานฉ่ำกรอกหูทุกวัน
ไม่สำคัญ ดังนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่อยู่ในรายการสามีที่ดีของบีค่ะ
เอาล่ะค่ะ ท้ายบทนี้ บีมีแบบฝึกหัดให้ทำอีกแล้ว
ลอง list ออกมาเลยค่ะ ว่า 8 ข้อที่จะเป็นจะตาย สามีในอนาคตของคุณที่คุณต้องการจะใช้ชีวิตอีก
40-60 ปีที่เหลืออยู่ทั้งหมดด้วย ต้องมี คืออะไร จริงใจและจริงจังกับชีวิตตัวเองนะคะ!!
แล้วพอเขียนเสร็จแล้ว ทีนี้ ฉีกใส่กระเป๋าสตางค์เลยค่ะ
จะได้หยิบออกมาอ่านเตือนสติได้บ่อยๆหลังออกเดท หยิบมานั่งดูทุกครั้ง
เวลาที่เราหาคู่ เลือกคู่ เราก็ต้องเอาไอ้สิ่งที่คู่ครองของเรา “ต้อง” มีมาดูประกอบเตือนสติเราทุกครั้งนะคะ (คล้ายๆทำธุรกิจ
แล้วเราควรมี business plan อะไรเทือกนั้น เราจะได้ไม่หลงทางไงคะ
: )
บีว่า ต่อไปนี้ หากผู้หญิงเราเปลี่ยนจุดโฟกัสในการหาคู่กัน
ประเทศไทยเราจะต้องมีอัตราการหย่าที่น้อยลงแน่นอน และ ประสิทธิภาพการทำงาน
และคุณภาพครอบครัว คุณภาพคนและคุณภาพสังคมในประเทศเราจะต้องดีขึ้นด้วย
สุดท้าย ในระยะยาว คุณเองนั่นแหล่ะค่ะ จะมีความสุขที่สุด!!!
ไม่ต้องมานั่งคิดว่า วันนี้ทะเลาะกับไอ้แก่เรื่องใครจะออกเงินค่าเล่าเรียนลูก
หรือว่า วันนี้ ไอ้แก่มันจะไปกินเหล้าบ้านเพื่อนหรือบ้านเมียน้อยที่ไหน
แล้วมันจะกลับมากี่โมง!!!!
ไม่อยากเครียดแบบนี้ ต้องเลือกแฟนให้เป็นค่ะ!!!
สามีที่ดีในอนาคตของฉัน “ต้อง” มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. ______________________________________________
2. ______________________________________________
3. ______________________________________________
4. ______________________________________________
5. ______________________________________________
6. ______________________________________________
7. ______________________________________________
8. ______________________________________________
วิธีสั่งซื้อ
1. ซื้อเป็น E-Book Click here
2. ซื้อหนังสือเป็นเล่ม ได้ที่ร้านหนังสือทั่วประเทศ
เช่น Se-Ed, B2S, นายอินทร์, book smiles, และอี่นๆ ค่ะ (หากหาหนังสือบนแผงไม่พบ กรุณาสอบถามพนักงานขายนะคะ ;))
3. สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ที่บริษัท แบงคอก แมทชิ่ง
ค่าจัดส่งไปรษณีย์ในประเทศไทยแบบลงทะเบียน เล่มละ 40 บาท ส่งแบบ EMS เล่มละ 55 บาท
โดยให้โอนเงินราคา 180 บาท/เล่ม บวกค่าใช้จ่ายการจัดส่งที่ต้องการ มายัง
ชื่อบัญชี บริษัท ฮักแต๊แต๊ จำกัด
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาซอยทองหล่อ บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 255-1-28273-4
เมื่อโอนเงินเรียบร้อยแล้ว กรุณาสแกน Slip การโอนเงินที่แสดงว่าการโอนเงินเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
มาที่ order@hugtaetae.com พร้อมชื่อที่อยู่โดยละเอียด และเบอร์มือถือที่ติดต่อสะดวก
ที่จะให้จัดส่งหนังสือไปให้ทางไปรษณีย์ด้วยค่ะ
ปกติ จะใช้เวลาประมาณไม่เกิน 14 วันจากวันที่ชำระเงิน
ก็จะได้รับหนังสือค่ะ
ได้โปรดรับทราบว่า บริษัทฯ ไม่มีนโยบายเปลี่ยน/คืนหนังสือ หรือคืนจำนวนเงินที่โอนผิดมาจากความผิดพลาดของผู้สั่งซื้อเองค่ะ แต่สามารถรับหนังสือเล่มอื่นแทนได้
รายได้ส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ จะถูกนำไปใช้จ่ายในโครงการ “Make a Wish” Project โครงการหาคู่ฟรีให้คนพิการของเรา
|